คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังเลี้ยงน้องแมวอยู่ก็คงจะอยากให้เด็ก ๆ มีสุขภาพที่ดีและอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ การเลี้ยงแมวระบบปิด หรือการเลี้ยงแมวให้อยู่ในพื้นที่หนึ่งพื้นที่เดียว ก็เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดเพราะเราสามารถดูแลเด็ก ๆ ได้ภายใต้การควบคุมของเรา ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ความสะอาด หรือสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่อาจจะทำให้น้องแมวไม่แข็งแรงหรือเจ็บป่วยได้ง่าย แต่หากเคร่งครัดเกินไปก็อาจจะทำให้น้องเครียดได้เช่นกัน วันนี้ หมอเอ็ม Ultravet-Pet จึงจะพามาศึกษาการเลี้ยงแมวระบบปิดว่ามีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร เลี้ยงแมวในบ้าน หรือเลี้ยงแมวในคอนโดได้ไหม? พร้อมกับเคลียร์ข้อสงสัยอื่น ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงแมวระบบปิดไว้ในบทความนี้เลยครับ
ทำไมต้องเลี้ยงแมวระบบปิด?
การเลี้ยงแมวระบบปิดนั้น มีทั้งประโยชน์และโทษเช่นกันกับการเลี้ยงแมวระบบเปิดครับ ในบางเคส คุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ไม่สามารถเลี่ยงได้ว่าจะเลือกเลี้ยงแมวแบบไหนดี เพราะต้องเลี้ยงแมวในบ้าน เลี้ยงแมวในอะพาร์ตเมนต์ หรือเลี้ยงแมวในคอนโด โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมือง ยิ่งไม่อยากให้น้องแมวออกไปเดินเล่นข้างนอก ทำให้มีการเลี้ยงแมวระบบปิดขึ้นมา เพื่อปกป้องน้องแมวจากอันตรายและรักษาสุขภาพของน้องไปในตัวนั่นเองครับ
ข้อดีของการเลี้ยงแมวระบบปิด
-
ปลอดภัยกว่า
เพราะสภาพแวดล้อมภายนอกบ้านไม่ได้มีแค่ต้นไม้ใบหญ้าเพียงอย่างเดียวครับ มันมีทั้งตึกราบ้านช่องสูง ๆ มีหลุม มีสิ่งก่อสร้างมากมายที่อาจจะเป็นอันตราย อาจจะกลายเป็นว่าน้องแมวตกจากที่สูงเพราะไม่ระวัง อาจจะไปโดนรถชน โดนสัตว์ประเภทอื่นอย่างน้องหมาวิ่งไล่หรือทำร้าย หรือแม้กระทั่งโดนน้องแมวหวงถิ่นทำร้ายเพราะเด็ก ๆ ของเราไปล้ำเส้นพื้นที่ของเขาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็อาจจะทำให้เจ็บตัวได้ง่าย ๆ เลยครับ
-
ปัญหาสุขภาพน้อย
เหตุผลคล้ายกันกับข้อแรก การที่น้องแมวไม่ได้ออกไปไหนก็จะช่วยให้ไม่ต้องติดเชื้อโรค เชื้อรา ไวรัส หรือร้ายแรงกว่าคือเอดส์แมว ซึ่งเป็นโรคของแมวที่รักษาไม่หาย อาจจะไปติดจากแมวตัวอื่น ๆ ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือป่วยอยู่มา หรืออาจจะป่วยเพราะกลับเข้าบ้านไม่ได้จนเราหาไม่เจอ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเห็บและหมัดที่เป็นปัญหากวนใจคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย
-
ไม่มีปัญหาแมวหายหรือหนีออกจากบ้าน
การเลี้ยงแมวระบบปิดจะเป็นการจำกัดพื้นที่ของน้องแมวไม่ให้ออกไปจากบริเวณนั้น ซึ่งน้องแมวบางตัวมักจะชอบหนีออกไปข้างนอก หรือติดสัด ซึ่งถ้าน้องแอบออกไปเพื่อเที่ยวเล่นหรือติดแมวตัวอื่น ก็อาจจะทำให้น้องแมวหลงทางหรือไม่ยอมกลับบ้านได้ คุณพ่อคุณแม่ที่หาน้องแมวไม่เจอต้องเสียใจอยู่แล้วครับ
-
ลดปัญหาเกี่ยวกับเส้นขนและผิวหนัง
หากน้องแมวออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ก็ต้องมีบ้างที่น้องจะเต็มไปด้วยฝุ่นหรือสิ่งสกปรกติดตามตัวกลับมาด้วย อาจจะเป็นเศษหินดินทราย เศษขยะ หรือใบไม้ต่าง ๆ ซึ่งอาจจะทำให้ขนของน้องแมวติดเชื้อราได้ง่ายหากทำความสะอาดไม่ดี หรือก่อให้เกิดโรคไรในหูแมว เหมือนตอนที่คนเราไม่ยอมอาบน้ำนั่นแหละครับ กลากเกลื้อนถามหาแน่นอน
-
ป้องกันไม่ให้น้องแมวไปทำลายสิ่งแวดล้อม
น้องแมวเป็นสัตว์ที่ชอบการล่าอยู่แล้วครับ และบางครั้งน้อง ๆ ก็ล่าเฉย ๆ ไม่ได้ล่าเพื่อกิน อีกทั้ง แมวก็มีความสนอกสนใจสิ่งรอบตัวอยู่ตลอด หากปล่อยให้น้องแมวออกไปข้างนอก เด็ก ๆ อาจจะไปทำร้ายสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ของเพื่อนบ้าน เช่น นก หนู หรือทำลายข้าวของเพราะไปปีนป่ายเล่นบ้านอื่น จนทำให้เราอาจจะต้องมีปัญหากับคนอื่น ๆ ได้ครับ อย่างที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน น้องแมวที่ไม่รู้ประสีประสาอาจจะทำให้คนอื่น ๆ เดือดร้อนได้ครับ
-
มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
การที่เราสามารถอยู่กับน้องแมวได้ตลอดเวลา จะทำให้คุณพ่อคุณแม่อย่างเรา ๆ แฮปปี้อยู่แล้วครับ แต่อีกมุมหนึ่ง หากเด็ก ๆ ป่วยหรือมีอาการอะไรผิดปกติ เราก็จะสามารถรู้ได้เร็ว เพราะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะ ไม่ว่าจะปัญหาทางพฤติกรรม ลักษณะนิสัย หรือปัญหาสุขภาพก็จะสามารถสังเกตและแก้ปัญหานั้น ๆ ได้ทันท่วงทีครับ
ข้อเสียของการเลี้ยงแมวระบบปิด
-
น้องแมวได้ออกกำลังกายน้อย
แน่นอนว่าการอยู่แต่ในบ้านเพราะคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงแมวระบบปิด ทำให้พื้นที่ในการสำรวจน้อยลง เด็ก ๆ ก็จะมีโอกาสได้ทำกิจกรรมโลดโผนน้อยลงครับ ทำให้แมวที่ถูกเลี้ยงระบบปิด เลี้ยงแมวในบ้าน หรือเลี้ยงแมวในคอนโด ส่วนใหญ่จะมีปัญหาน้ำหนักเกินมากกว่าแมวปกติ หรือเรียกว่ากลายเป็นแมวอ้วนได้ง่ายนั่นเอง
-
มักจะชอบทิ้งสัญลักษณ์ไว้บ่อย ๆ
ในเคสของแมวบางตัว การถูกเลี้ยงในบ้าน เลี้ยงแมวในคอนโด หรือเลี้ยงแมวระบบปิด อาจจะทำให้เกิดอาการเครียดกว่าปกติ ซึ่งจะแสดงออกด้วยการข่วนหรือลับเล็บบนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านบ่อย ๆ บางตัวอาจจะปัสสาวะไปทั่วบ้านก็ได้เช่นกัน
-
ขาดไหวพริบและการปรับตัว
เพราะน้องแมวที่อยู่แต่ในบ้าน ไม่มีโอกาสได้เจอกับอันตรายหรือสิ่งแวดล้อมภายนอกบ่อยเท่าแมวที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อย เมื่อออกไปสำรวจนอกบ้าน เด็ก ๆ อาจจะตื่นตระหนกได้ง่ายจนพาตัวเองเข้าไปสู่อันตรายแบบไม่รู้ตัวครับ
-
มีความเครียด
การที่เราอยู่ที่ที่จำกัดก็อาจจะทำให้เครียดอยู่บ้าง (ยกเว้นน้องแมวที่ชอบอยู่แต่ในบ้านจริง ๆ) แต่บางครั้งการเห็นแมวตัวอื่น ๆ เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่รอบ ๆ พื้นที่ที่จำกัดของตัวเอง ก็อาจจะทำให้น้องแมวระแวง กระวนกระวาย และเครียดได้ครับ เพราะแมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างห่วงถิ่นเอามาก ๆ
-
เบื่อง่าย
กรณีนี้ขึ้นอยู่กับนิสัยส่วนตัวของเด็ก ๆ เลยครับ แมวบางตัวอาจจะมีนิสัยขี้เบื่อแบบสุด ๆ จนทำให้น้องเซ็ง เบื่อหน่าย จนกลายเป็นแมวขี้อารมณ์เสีย อารมณ์บูด จนแสดงออกด้วยการทำลายข้าวของหรือทำตัววุ่นวายอยู่บ่อยครั้ง
-
มีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่าย
เหตุผลที่จะทำให้น้องแมวเป็นโรคซึมเศร้าในแมวมีหลายเหตุผลด้วยกันครับ ทั้งจากความเบื่อหน่ายกิจกรรมซ้ำ ๆ เดิม ๆ ความเครียด การตื่นตระหนกง่าย หรือการมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ก็อาจจะทำให้น้องแมวเครียด ซึมกว่าปกติได้
เลี้ยงแมวระบบปิด เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง?
แม้ว่าเราจะเลี้ยงแมวในบ้าน ในคอนโด ให้อยู่แต่พื้นที่ปิดอย่างเดียว ก็ไม่ได้แปลว่าน้องแมวจะไม่เสี่ยงเป็นโรคอะไรเลย เพราะโรคในแมวหลายชนิดก็ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอกเพียงอย่างเดียว โดยการเลี้ยงแมวระบบปิด จะทำให้น้องแมวเสี่ยงเป็นโรคดังนี้
-
- โรคอ้วน
- โรคเบาหวาน
- กระดูกในช่องปากสลายตัว (Odontoclastic resorptive lesions)
- โรคผิวหนังจากการเลีย (Acral lick dermatitis)
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ภาวะหมกมุ่น
- โรคเครียด
- ซึมเศร้าในแมว
เลี้ยงแมวระบบปิด ต้องทำยังไงบ้าง? ให้มีความสุขทั้งแมวและคนเลี้ยง!
การเลี้ยงแมวระบบปิดนั้น ถ้าเป็นไปได้ หมอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกเลี้ยงวิธีนี้นะครับ เพราะน้องแมวของเราเป็นนักล่าตัวยงที่อาจจะไปทำลายระบบนิเวศหรือทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อนได้ นอกจากนี้ ยังช่วยลดประชากรแมวจรจัดล้นเมืองได้ด้วยนะครับ เพราะน้องอาจจะไปทำสาวท้องหรือท้องกลับมาก็ได้ ทางที่ดีจึงควรทำหมันเพื่อป้องกันอาการติดสัดร่วมด้วย ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงข้อสำคัญที่จะช่วยให้การเลี้ยงแมวระบบปิดง่ายขึ้น โดยจะมีวิธีเลี้ยงแมวระบบปิดให้น้องแมวไม่เครียด ดังนี้
วิธีเลี้ยงแมวระบบปิด ทริคเลี้ยงแมวในบ้านให้ไม่เครียด!
-
รักษาความสะอาดให้ดี
จะต้องใช้กระบะทรายอย่างน้อย 2 ชิ้นต่อแมว 1 ตัว กระบะหนึ่งเปิดไว้ อีกกระบะปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น เพราะน้องแมวจะชอบความหลากหลาย วางไว้ตามจุดที่มีความเงียบสงบให้น้องแมวให้ทำธุระอย่างสบายใจ ทำการตัดอุจจาระหรือปัสสาวะของน้องแมวออกอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง (หรือถ้าน้องขับถ่ายเยอะก็ต้องตักบ่อยหน่อย เพราะน้องแมวไม่ชอบห้องน้ำที่สกปรก) เปลี่ยนทั้งถาดสัปดาห์ละครั้ง นอกจากนี้ แปรงขนให้น้องแมวเป็นประจำ จะเปรียบเสมือนการนวดให้น้องแมว ป้องกันขนติดคอ ช่วยผลัดขนให้ไม่สะสมสิ่งสกปรกและทำให้ขนสวยขึ้น จะทำให้น้องแมวสบายตัวและสบายใจในการอยู่ในพื้นที่จำกัดมากขึ้นครับ
-
ดูแลอาหารการกินอย่างเคร่งครัด
น้องแมวต้องการโปรตีนและสารอาหารที่ครบถ้วนเหมือนกับสัตว์ตัวอื่น ๆ ครับ อาจจะเป็นอาหารเม็ด เนื้อไก่สด (ต้องศึกษาเรื่องอาหารบาร์ฟแมว ก่อนให้กินเนื้อดิบนะครับ) ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน นอกจากนี้ ยังต้องเลือกอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยและสายพันธุ์ อาจจะมีขนมทานเล่น อาหารเปียก หรืออื่น ๆ ที่จะช่วยบำรุงสุขภาพของน้องแมวด้วยครับ
-
จัดแจงพื้นที่ให้เรียบร้อย
ความกระตือรือร้นและสัญชาตญาณนักล่าของน้องแมว ทำให้เขาชอบพื้นที่แนวตั้งมากกว่าแนวนอนครับ คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดคอนโดแมวสักชิ้นหรือบันไดสักสองสามอัน ให้เขาได้มีกิจกรรมของตัวเองบ้าง ได้ปีนป่าย ได้เดินไปตรงนั้น กระโดดไปตรงนี้ เป็นการช่วยให้เขาได้ออกกำลังกาย จัดพื้นที่ให้เขาได้นั่งนอนใกล้หน้าต่าง ได้อยู่ที่สูง ๆ เพื่อชมวิวข้างนอก ได้มีที่อาบแดดด้วยก็จะดีมากครับ
-
ของใช้ต้องมา ของเล่นต้องมี
นิสัยสนอกสนใจและขี้เล่นเป็นปกติของน้องแมวตั้งแต่เล็กจนโตเลยครับ เราจึงต้องมีของเล่นเยอะหน่อยเพื่อไม่ให้เขาเบื่อ สำหรับคนที่เลี้ยงแมวระบบปิด ควรมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เขาได้ลับเล็บ อาจจะเป็นเสาลับเล็บ เฟอร์นิเจอร์สำหรับน้องแมว หรือของเล่นจุกจิกอย่าง ลูกบอล เลเซอร์ อุโมงค์แมว ไม้ตกแมว หรือรางบอลแมว อะไรก็ได้ที่จะช่วยให้เขาไม่เบื่อเกินไป นอกจากนี้ ยังควรมีตะกร้าหรือที่นอนนุ่ม ๆ ให้เขาได้นอนกลางวัน (ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ หมอขอบอกว่าต้องมีหลายชิ้นเลยล่ะครับ เพราะเขาชอบเปลี่ยนไปมาแก้เบื่อ)
-
เล่นกับน้องแมวอย่างสม่ำเสมอ
ในกรณีนี้สำหรับคนที่เลี้ยงแมวระบบปิดตัวเดียวครับ เพราะน้องแมวมีโอกาสจะเครียดและเหงากว่าเมื่อเจ้าของไม่อยู่บ้าน อย่างน้อยต้องเล่นกับเขาวันละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้เขาไม่รู้สึกว่าอยู่ตัวเดียวหรือถูกขังเอาไว้ในบ้าน น้องแมวบางตัวชอบกิจกรรมบางอย่างเป็นพิเศษ เช่น ดูคลิปนกหรือปลา ก็อาจจะใช้เวลาร่วมกับเขาด้วยการเปิดคลิปแนวนี้ดูด้วยกันก็ได้ครับ สังเกตนิสัยเขาให้ได้ก็พอว่าเขาชอบอะไร
-
มีสวนน้องแมว (สำหรับคนงบเยอะ)
เราจะเห็นได้ว่าบล็อกเกอร์ต่างประเทศมักจะสร้างสวนหย่อมไว้ข้างบ้าน สำหรับให้น้องแมวออกไปวิ่งเล่นข้างนอกได้บ้าง ซึ่งสวนนี้จะไม่มีทางออกไปได้ครับ (ขึ้นอยู่กับว่าเราทำรั้วรอบขอบชิดขนาดไหน) ในสวนก็จะมีอุปกรณ์และต้นไม้ใบหญ้าต่าง ๆ ที่เป็นที่ชื่นชอบของน้องแมวอย่างหญ้าแมว กัญชาแมวหรือแคตนิป รวม ๆ กันอยู่เปรียบเหมือนสนามเด็กเล่นของเขา จะทำให้ไม่เบื่อบ้าน เป็นการเลี้ยงแมวระบบปิดให้มีความสมดุลมากขึ้นและปลอดภัยด้วยครับ
สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการเลี้ยงแมวระบบปิด
การเลี้ยงแมวระบบปิด นอกจากจะต้องมีข้าวของเครื่องใช้ประจำบ้านอย่าง กระบะทรายแมว คอนโดแมว ถาดอาหารและน้ำ ของเล่นแมว และอาหารแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องเตรียมเอาไว้สำหรับการเลี้ยงแมวระบบปิด ดังนี้ครับ
-
วัคซีนและยารักษาโรค
น้องแมวทุกตัวอาจจะมีโรคที่เราคาดไม่ถึงได้ครับ ไม่ว่าจะโรคเอดส์ ปอดอักเสบ เชื้อราแมว หรือเห็บหมัดต่าง ๆ ที่อาจจะแฝงมากับเสื้อผ้าของเราเวลาออกไปข้างนอก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรจะเตรียมการฉีดวัคซีนแมวป้องกันโรคไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และเตรียมชุดยาหรือชุดปฐมพยาบาล หรืออย่างน้อยหักค่ายาค่ารักษาฉุกเฉินเอาไว้เผื่อน้องแมวป่วยกะทันหันก็ได้ครับ
-
อุปกรณ์ทำความสะอาด
แม้ว่าจะเลี้ยงแมวระบบปิด ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องแมวจะสะอาดเลย 100% นะครับ เพราะเขาก็ยังต้องใช้ชีวิตประจำวัน มีการขับถ่าย การกิน การเล่น การนอน คนเรายังมีผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ดูแลตัวเองมากมาย น้องแมวเขาก็ต้องการเหมือนกัน ไม่งั้นโรคผิวหนังแมวตามมาเยอะจนจะปวดหัวเอานะครับ
-
โปรแกรมตรวจสุขภาพ
น้องแมวเราอาจจะมีโรคหรืออาการต่าง ๆ ที่บ่งบอกโรคแฝงในร่างกายได้ ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่สามารถสังเกตหรือเดาสุ่มสี่สุ่มห้าด้วยตัวเอง บางอาการก็อาจจะไม่ใช่สัญญาณของโรคใดในแมวเลยก็ได้ นอกจากนี้ น้องแมวยังมีอายุเพิ่มขึ้นทุกปี สุขภาพก็อาจจะแย่ลงหรือไม่คงที่ เราจึงต้องมีการตรวจสุขภาพแมวอยู่เสมอ เพื่อที่เมื่อเจอโรคจะได้รักษาหรือป้องกันได้ก่อนจะเป็นหนักครับ
-
อุปกรณ์สำหรับการพาไปเที่ยว!
หากอยากให้เขามีอิสระบ้าง ก็ต้องพาออกไปเที่ยวสักสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง แต่ก่อนอื่นก็ต้องมีไอเทมสำหรับพาน้องแมวไปเที่ยวด้วย! ไม่ว่าจะเป็นเชือกจูงสำหรับแมว กระเป๋าใส่แมว ถุงเก็บของขับถ่าย กล่องปฐมพยาบาล หรือกล่องอาหาร-น้ำที่น้องแมวดื่มได้ จะต้องมีให้ครบค่ะ เพราะน้องแมวอาจจะมีการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่เคยพบเจอแตกต่างกัน และอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ ปลอดภัยไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลังครับ
-
เวลาและร่างกาย
นอกเหนือจากที่หมอกล่าวมา คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จะต้องเตรียมทั้งเวลาเพื่อให้ได้อยู่เล่นกับน้องแมว ไม่ให้เขาเหงาหรือเบื่อ จนเกิดความเครียดได้ง่าย และต้องเตรียมร่างกายไว้ สำหรับลงแรงดูแลน้องแมวให้ดีที่สุด เพราะเขาก็เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ต้องได้รับการดูแลให้ดี เราจะกลายเป็นเพื่อนคนเดียวของเขา การเลี้ยงแมวระบบปิดจึงต้องเตรียมเวลาและร่างกายให้ดีเลยครับ
คำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงแมวระบบปิด
A: เป็นได้ครับ เพราะโรคพิษสุนัขบ้าอาจจะติดจากสัตว์สู่สัตว์เท่านั้นก็จริง แต่เราไม่มีทางรู้ได้ชัวร์ ๆ ว่าจะมีสัตว์อื่นตัวไหนที่ลักลอบเข้ามาในบ้านแล้วมีเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่ น้องแมวของเราอาจจะไปกัดหรือคาบมาจนติดเชื้อได้ครับ ทางที่ดีฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าไว้เลยจะดีกว่า เพราะเคยมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ครับ
A: ต้องฉีดแน่นอน ไม่ว่าจะเลี้ยงแมวระบบปิดหรือระบบเปิดก็ต้องฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคอื่น ๆ ที่อาจจะแฝงอยู่หรือเกิดขึ้นทีหลังได้ ทยอยฉีดให้ครบ อย่านิ่งนอนใจครับ เพราะบางโรคอาจจะเป็นแล้วไม่หาย บางโรคทำให้เสียชีวิตได้ง่ายก็มี
A: ควรพาไปทำหมันครับ สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการให้น้องแมวมีลูก ควรจะพาไปทำหมันตั้งแต่น้องแมวอายุ 6 เดือนขึ้นไป นอกจากจะป้องกันไม่ให้น้องแมวท้องแล้ว ยังช่วยให้น้องไม่ติดสัด ไม่ก้าวร้าว
A: สำหรับคนที่เลี้ยงแมวระบบปิด แบบปิดจริง ๆ ไม่ได้ให้ออกไปไหนเลย แล้วยังมีหมัดหรือเห็บ อาจเป็นเพราะมันติดมากับตัวเราหรือตัวเจ้าของที่ออกจากบ้านแล้วกลับมาครับ มีได้ทั้งติดตามเสื้อผ้า ชายกางเกง หรือแม้แต่รองเท้าที่ใส่เดินแล้วเผลอเหยียบ โดนเห็บหมัดเกาะเข้ามาในบ้านด้วย แก้ด้วยการตรวจเช็คตัวน้องแมวอยู่เสมอ ถอดรองเท้าไว้นอกบ้าน และหยอดยาเห็บหมัดทุกเดือน ถ้ากลัวแพร่พันธ์ุก็ต้องจัด Big Cleaning Day ทั้งบ้านกันไปเลยครับ
A: มีหลายคำตอบครับ สำหรับแมวที่เคยเลี้ยงปล่อยมาก่อนแล้วมาเลี้ยงแมวระบบปิดอาจจะเครียดช่วงแรก ๆ เมื่อปรับตัวได้ก็จะไม่เครียด แต่ถ้าเลี้ยงระบบปิดมาตั้งแต่เกิดก็จะมีโอกาสเครียดน้อย ขึ้นอยู่กับการดูแลของคุณพ่อคุณแม่เลยครับ ซึ่งการดูแลก็แล้วแต่สายพันธุ์ ว่าต้องการกิจกรรมเยอะ ต้องการนอนมากกว่าเล่น หรือมีนิสัยแบบไหน ก่อนจะเลี้ยงแมวระบบปิด ก็ต้องเลือกด้วยว่าจะเลี้ยงแมวพันธุ์อะไรดี เพื่อที่จะได้วางแผนให้ถูกครับ
A: คำตอบคือได้ครับ แต่อย่าข้ามวันหรือนานเกินไป เพราะหากปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวบ่อย ๆ ในบ้าน หรือให้อยู่คนเดียวนาน ๆ จะทำให้น้องแมวเครียดหรือวิตกกังวลได้ นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของความสะอาดและสภาพแวดล้อมที่อึดอัดด้วย คงไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวเหงา ๆ ในบ้านมืด ๆ หรอกใช่มั้ยล่ะครับ
A: เลี้ยงได้ ถ้ามีเวลาเล่นกับเขามากพอครับ อย่างที่หมอบอกว่าน้องแมวจะมีความเครียดหรือเหงามากกว่าเมื่ออยู่คนเดียว หากคุณพ่อคุณแม่มีธุระหรือทำงานนอกบ้านตลอด อาจจะเลี้ยงแมวเพิ่มอีกสักตัวให้เป็นเพื่อนเล่นกันก็ยังดีครับ แม้ว่าจะต้องหาเงินอย่างหนักหน่วงเป็นสองเท่า แต่ลูกห้ามเดียวดาย!
สรุป
การเลี้ยงแมวระบบปิด หรือการเลี้ยงแมวในบ้าน เลี้ยงแมวในคอนโดหรืออะพาร์ตเมนต์ ถือเป็นแนวทางการเลี้ยงแมวให้ปลอดภัยและป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นนอกบ้านได้ อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงแมวระบบปิดก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เสี่ยงโรคหรืออันตรายใด ๆ เลย คุณพ่อคุณแม่จึงต้องคอยเฝ้าระวัง ตั้งใจดูแล และคอยสังเกตเขาอยู่เสมอ เพื่อจะได้ให้น้องแมวอยู่กับเราไปนาน ๆ นะครับ
ติดต่อ – ปรึกษาแพทย์
- Lakeside Villa 1 เลขที่ 901/3-5 (Shop 2) หมู่ 15 ถนน บางนา-ตราด,
- กรุงเทพมหานคร อำเภอบางพลี สมุทรปราการ 10540
- เวลาทำการ : 09.00 – 20.00 น. (หยุดวันอังคาร)
- เบอร์ติดต่อ : 065-526-5994
- Line : @Ultravet
สัตวแพทย์ประจำ
Ultravet Pet Wellness Clinic
น.สพ.ศุภกิตติ์ สีดำ (คุณหมอเอ็ม)