คุณพ่อคุณแม่ที่ชื่นชอบแมวคงจะเคยได้ยินคำว่า แมวมี 9 ชีวิต กันใช่มั้ยครับ? ประโยคนี้มีที่มาที่ไปตั้งแต่สมัยก่อน จากการที่เจ้าเหมียวตกจากที่สูงมาก ๆ จนเราคิดว่าน้องต้องตายแน่ แต่น้องแมวกลับพลิกตัวแลนดิ้งลงพื้นแบบนิ่ม ๆ แล้วก็วิ่งหนีกลบเกลื่อนความอายอย่างหน้าตาเฉย ทำให้คิดว่าต่อให้ตกจากที่สูงยังไง แมวก็จะไม่ตายหรือเหมือนตายแล้วก็เกิดใหม่นั่นเองครับ หมอเอ็ม Ultravet Pet จึงจะมาพามาเรียนรู้ว่า แมวตกจากที่สูง อันตรายไหม? ทำไมถึงปลอดภัย? แมวตกจากที่สูงต้องไปตรวจ หรือปล่อยเอาไว้ถ้าไม่เป็นอะไร มีวิธีปฐมพยาบาลอย่างไรให้ปลอดภัยกันครับ
น้องแมวตกจากที่สูง อันตรายที่ห้ามมองข้าม!
จากทฤษฎีแมวเก้าชีวิต ทำให้มีเสียงฮือฮาอย่างมากสำหรับ ‘น้องชิฟู’ เจ้าแมวตัวอ้วนกลมที่ตกลงมาจากตึก 6 ชั้นแต่ยังรอด! จากเคสนี้ น้องชิฟูได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เล็บหลุดสองนิ้วและมีห้อเลือดเล็กน้อย ซึ่งถือว่าโชคดีมาก ๆ เลยครับ เพราะน้องแมวตกจากที่สูง ในปัจจัยที่แตกต่างกันโดยเฉพาะความสูงแค่ตึก 6 ชั้น อาจส่งผลให้น้องแมวได้รับบาดเจ็บที่กระดูก กล้ามเนื้อ ปอด และอวัยวะภายในอื่น ๆ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยครับ เพราะฉะนั้น หมอขอบอกว่าเลย น้องแมวตกจากที่สูง อันตรายมาก!
แมวตกจากที่สูงแค่ไหน ถึงจะอันตรายต่อชีวิต
ปกติแล้ว น้องแมวตกจากที่สูง จะอันตรายถึงชีวิตหรือไม่ มีหลายปัจจัยมากครับ หลัก ๆ จะขึ้นอยู่กับความสูงและเวลาในการ ‘จัดระเบียบร่างกาย’ ซึ่งหมายถึงการปรับทิศทางของร่างกายก่อนจะสัมผัสพื้นให้อยู่ในท่าที่สามารถกระจายน้ำหนักและแรงกระแทกได้ทั่วตัวซึ่งจะใช้เวลาสักพักหนึ่ง หากมีเวลามากพอในความสูงนั้น ๆ เพื่อที่จะจัดระเบียบร่างกายก่อนถึงพื้น น้องแมวก็จะปลอดภัยครับ
เกร็ดความรู้ : น้ำหนักตัวน้องแมวมีผลต่อความเร็วที่จะถึงพื้นและมีผลต่อการกระแทกด้วยครับ การที่น้องแมวมีน้ำหนักตัวมาก ตามหลักฟิสิกส์แล้วจะให้พูดอย่างง่าย ๆ คือ น้ำหนักยิ่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้กระแทกกับพื้นได้แรงเท่านั้น สมมติว่ามดและคน ตกลงบนพื้นในความสูงเท่ากัน ฝ่ายที่เจ็บกว่าคือคน เพราะน้ำหนักตัวมากกว่า ก็กระแทกพื้นแรงกว่า ดังนั้น น้องแมวที่น้ำหนักเยอะมาก ๆ หากตกจากที่สูงก็ยิ่งเสี่ยงได้รับบาดเจ็บหนักกว่าแมวที่น้ำหนักตัวน้อยนั่นเองครับ
มีการวิจัยในอดีตกล่าวว่าแมวตกจากที่สูงมากกว่าตึก 7 ชั้นหรือตึก 17-20 เมตร ขึ้นไปมีโอกาสรอดเยอะกว่าแมวตกจากที่สูงน้อยกว่าตึก 7 ชั้นครับ เพราะแมวตกจากอาคารที่ไม่สูงมากจะมีโอกาสได้รับบาดเจ็บหนักกว่า เพราะจัดระเบียบร่างกายไม่ทัน แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของน้องแมวและความสูงที่มากเกินไปด้วย ถ้ามันสูงมากจริง ๆ ก็อาจจะทำให้อันตรายถึงชีวิตได้เช่นกันครับ
แล้วทำไม แมวตกจากที่สูงมาก ๆ หลายเคสถึงไม่ตาย?
อย่างที่หมอได้กล่าวไปว่า เคสแมวตกจากที่สูงมีปัจจัยที่ค่อนข้างเยอะ ยกตัวอย่างเช่นเคสของน้องชิฟู จัดเป็นแมวอ้วน น้ำหนักตัวมาก หากตกจากที่สูงแม้เพียงไม่กี่ชั้น ก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิต แต่ถ้าน้องชิฟูจัดระเบียบร่างกายทัน ก็จะไม่เป็นอะไรมากหรือไม่เป็นอะไรเลยก็ได้ ซึ่งน้องชิฟูตกลงมากระแทกรถ ไม่ใช่ตกลงพื้นราบ ทำให้น้องได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย เพราะฉะนั้น อย่าพยายามขุนให้น้องแมวอ้วนเลยครับ เพราะมันไม่ได้ทำให้เสี่ยงในการตกจากที่สูงแล้วบาดเจ็บอย่างเดียว แต่มันส่งผลเสียต่อสุขภาพอื่น ๆ เยอะมากครับ
นอกจากเคสน้องชิฟู ยังมีเคสน้องแมวตกจากที่สูงจากสถิติสูงสุดที่เคยบันทึกไว้คือ ตกจากอาคาร 32 ชั้น (ราว ๆ 100 เมตร) ในนิวยอร์กแล้วได้รับบาดเจ็บแต่ก็สามารถรอดมาได้และใช้ชีวิตได้ตามปกติภายใน 2 วันเท่านั้น ซึ่งมันสูงมากขนาดที่ว่าโอกาสรอดแทบจะเป็นศูนย์ ดังนั้น คำถามก็คือ ทำไมน้องแมวตัวนี้ตกจากที่สูงขนาดนั้นถึงรอด?
เพราะเวลาที่น้องแมวตกจากที่สูงมาก ๆ วิธีการจัดระเบียบร่างกายโดยการเอาขาลงสัมผัสพื้นนั้นจะใช้ไม่ได้ครับ เพราะถ้าตกจากความสูงขนาดนั้นแล้วยังเอาขาลง กระดูขาหักแน่นอน และอวัยวะอื่น ๆ ก็จะเสียหายร่วมด้วย ดังนั้น นักวิจัยจึงสันนิษฐานว่าในขณะที่ยังไม่ถึงพื้น น้องแมวทำการกางขาออกเหมือนนักกระโดดร่มหรือกระรอกบิน ร่างกายจึงมีแรงต้านอากาศกลายเป็นตกลงมาด้วยความเร็วคงที่ เป็นสัญชาตญานของน้องแมวที่จะสัมผัสพื้นด้วยหน้าท้องก่อน ขาจึงมีโอกาสได้รับบาดเจ็บน้อยมาก ๆ แต่ใช่ว่าจะไม่เจ็บส่วนอื่นเลยนะครับ หากลงด้วยท่ากระโดดร่ม อวัยวะภายในเสียหายแน่นอน เจ้าแมวตัวนี้จึงลงเอยด้วยการเข้าโรงพยาบาล แต่ก็นะครับ… นอนอยู่แค่ 2 วันก็กลับบ้านได้แล้ว มหัศจรรย์จริง ๆ
เคสนี้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ว่า ถึงแมวจะตกจากความสูงไม่เกินตึก 7 ชั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะบาดเจ็บหนักเสมอไป สิ่งสำคัญคือเวลาในการจัดระเบียบร่างกายมากกว่า ถ้าเปลี่ยนท่าลงได้ทัน โอกาสรอดก็สูงครับ
แมวตกจากที่สูง ควรไปตรวจไหม? ดูอาการยังไง?
หมอขอเน้นย้ำตรงนี้ว่า ถ้าน้องแมวตกจากที่สูงแล้วดูไม่เป็นอะไร อย่าชะล่าใจเด็ดขาดครับ เพราะด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่หมอได้อธิบายไป อาจจะทำให้น้องแมวบาดเจ็บภายในแบบไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ดังนั้น หากน้องแมวตกจากที่สูงซึ่งมีโอกาสบาดเจ็บมาก ก็ควรพาน้องแมวไปตรวจร่างกายให้เรียบร้อย
โดยทั่วไป เมื่อแมวตกจากที่สูง จะมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ได้แก่ มีรอยฟกช้ำตามตัวจากการกระแทก มีแผลถลอก หรือห้อเลือด แต่ถ้าอาการหนัก สามารถเป็นได้ทั้งกระดูกขา กะโหลก กระดูกขากรรไกรแตกหัก ข้อต่อหรือเส้นเอ็นฉีกขาด ในส่วนนี้ยังพอดามเฝือกให้กลับมาเดินได้ แต่หากเป็นหนักมาก ๆ ถึงอวัยวะภายในหรือช้ำใน เช่น สมองได้รับการกระทบกระเทือน ปวดบวมหรือยุบ ไส้เลื่อนขึ้นไปติดกระบังลม ม้ามหรือตับแตก ไปจนถึงกระเพาะปัสสาวะแตก ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีโอกาสเสียชีวิตได้ในที่สุดครับ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะดูเป็นปกติหรือไม่ หากตกจากที่สูงก็ควรไปตรวจร่างกาย หรือพาไปตรวจสุขภาพประจำปีจะดีกว่าครับ
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น แมวตกจากที่สูง
อาการบาดเจ็บของน้องแมวตกจากที่สูงนั้นมีหลากหลายมาก ๆ ให้นึกถึงเวลาคนเราตกจากที่สูงมากระแทกพื้น เมื่อบาดเจ็บก็ต้องทำการปฐมพยาบาลและรีบนำส่งแพทย์เพื่อเช็คอาการให้เร็วที่สุด หมอจึงขอแนะนำวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แมวตกจากที่สูง ให้ได้ลองอ่านเผื่อฉุกเฉินครับ
-
แมวตกจากที่สูง แล้วฟกช้ำ ห้อเลือด ผิวถลอก
ไม่ว่าแผลจะเปื้อนหรือไม่ ก็ห้ามทำความสะอาดแผลหรือทำแผลด้วยตัวเองนะครับ เพราะอุปกรณ์อาจจะไม่สะอาดและระคายเคืองผิวแมวได้ ควรรีบนำน้องแมวมาให้สัตวแพทย์ตรวจและทำแผลเท่านั้น
-
แมวตกจากที่สูง กระดูกหัก
หากสังเกตได้ว่าน้องแมวอาจจะมีส่วนไหนแตกหัก ไม่ว่าจะขา กระดูกสันหลัง หรือกะโหลกศีรษะ ก็ห้ามเข้าเฝือกหรือเคลื่อนย้ายน้องแมวทันทีเด็ดขาด! ควรใช้ไม้กระดานหรือของแบน ๆ เรียบ ๆ เพื่อใช้รองรับน้องแมวให้นอนในท่าเดิมเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของกระดูก รีบมาพบสัตวแพทย์ทันที ในกรณีนี้ ห้ามอุ้มหรือยกน้องแมวอย่างรุนแรงเด็ดขาด กระดูกที่หักอาจจะไปทิ่มส่วนอื่น ๆ ของร่ายกายได้ครับ
-
แมวตกจากที่สูง เลือดออก เลือดไหลไม่หยุด
อาการนี้ต้องรีบสังเกตเลยว่าเลือดออกส่วนไหน หากเป็นบริเวณขา อาจใช้ผ้าสะอาดหรือผ้าพันแผลห้ามเลือดไว้ก่อน เพราะอาจเป็นเส้นเลือดใหญ่ ซับแผลด้วยผ้าสะอาดที่ชุบน้ำยาฆ่าเชื้อประเภท Furacilin, Miromestin หรือ Chlorhexidine และห้ามเลือดไปด้วย แต่หากไม่มั่นใจ ต้องรีบมาพบแพทย์ด่วนเลยครับ
-
แมวตกจากที่สูง หายใจแรง
กรณีนี้ อาจวินิจฉัยเบื้องต้นได้ว่าน้องแมวได้รับบาดเจ็บที่ปอดครับ หรืออวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือน เช่น ปอดยุบ เลือดออกภายในปอด หรือไส้เลื่อนกดทับกระบังลม จะต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน ระหว่างนั้น พยายามให้น้องแมวได้รับอากาศบริสุทธิ์ให้มากที่สุด (หากอยู่บนรถให้เปิดกระจกเล็กน้อย) ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ให้น้องแมวดมในระยะห่าง 10 เซนติเมตร เพื่อไล่ของเหลวออกจากปอดครับ
-
แมวตกจากที่สูง ซึม ไม่ร่าเริง
อาการนี้อาจมาจากความเจ็บปวดทางร่างกายแบบไม่รู้ตัว ทำให้น้องแมวเครียดและซึมเพราะรู้สึกไม่สบายตัว หากน้องแมวซึมหรือเครียดมาก ๆ แล้วเราไม่ดูแล ไม่เอาใจใส่ ทิ้งน้องแมวไว้อย่างนั้น ก็อาจจะนำไปสู่การเป็น โรคซึมเศร้าในแมว ได้ครับ เพราะฉะนั้น ต้องพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายให้ละเอียดว่าบาดเจ็บตรงไหน ระหว่างการรักษาจนหายดี คุณพ่อคุณแม่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ให้กำลังใจ และเอาใจใส่น้องแมว เพื่อให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวครับ
การป้องกันน้องแมวตกจากที่สูง
หากยังเลือกที่อยู่อาศัย สามารถเลือกความสูงที่ปลอดภัยตามข้อมูลข้างต้นได้เลยครับ แต่หากจำเป็นจะต้องอยู่อาศัยหรือเลี้ยงน้องแมวในอาคารหรือบ้านที่สูงมาก ๆ อย่างคอนโด ห้องพัก อะพาร์ตเมนต์ ก็ควรเช็คระเบียง ประตู หน้าต่าง ระยะห่างจากทางออกใด ๆ ก็ตามที่น้องแมวอาจจะออกไปได้ ติดตะแกรงหรือซี่กรงที่มีความแข็งแรง ทนกันข่วน กัด ฉีก เพื่อกันไม่ให้น้องปีนออกไปได้ครับ นอกจากนี้ ต้องเช็คช่องระบายอากาศให้ปิดสนิท ไม่สามารถแงะแกะออกได้ เพราะน้องแมวอาจจะแอบมุดออกไปทางช่องระบายอากาศจนพลัดตกตึกได้ครับ
สรุป
แมวตกจากที่สูง เป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตของน้องแมวที่ห้ามละเลยเด็ดขาดครับ คุณพ่อคุณแม่จะต้องเช็คทางออกรอบที่อยู่อาศัยให้ดี ทำการป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ แม้ว่าอาคารบ้านเรือนที่แมวพลัดตกลงมานั้นจะไม่ได้สูงมาก แต่วันดีคืนดี น้องแมวอาจจะพลาดจนตกลงมาได้รับบาดเจ็บ หรือช้ำในแบบไม่รู้ตัวได้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าน้องแมวตกจากที่สูง บาดเจ็บไหม? หรืออยากตรวจร่างกายน้องแมว สามารถพาน้อง ๆ เข้ามาให้หมอตรวจได้ที่ Ultravet Pet Wellness Clinic นะครับ
ติดต่อ – ปรึกษาแพทย์
- Lakeside Villa 1 เลขที่ 901/3-5 (Shop 2) หมู่ 15 ถนน บางนา-ตราด,
- กรุงเทพมหานคร อำเภอบางพลี สมุทรปราการ 10540
- เวลาทำการ : 09.00 – 20.00 น. (หยุดวันอังคาร)
- เบอร์ติดต่อ : 065-526-5994
- Line : @Ultravet
สัตวแพทย์ประจำ
Ultravet Pet Wellness Clinic
น.สพ.ศุภกิตติ์ สีดำ (คุณหมอเอ็ม)